วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วิธีกำจัด “ผึ้ง ต่อ” พร้อมรัง ออกจากบ้านแบบไม่ต้องเจ็บตัว


ผึ้งหรือต่อถือเป็นสัตว์มีพิษ ที่มักชอบเข้ามาวุ่นวายภายในบ้านหรือบริเวณสวน บางครั้งถึงขั้นทำรัง ยิ่งปล่อยไว้รังยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้หลายคนเริ่มรู้สึกกังวล หวาดกลัว ครั้นจะไปกำจัดออกเลยซะทีเดียวก็ไม่กล้าเพราะเกรงว่าสัตว์มีพิษเหล่านี้จะทำร้าย หรือบางบ้านคิดอยากลองใช้สารเคมีกำจัดแมลงก็กังวลเรื่องความเป็นอันตราย และนี่คือวิธีกำจัดสัตว์เหล่านี้แบบไม่อันตราย

วิธีกำจัดรังผึ้ง รังต่อออกจากบ้าน

แขวนถุงน้ำ ขวดน้ำ สิ่งของสะท้อนแสง
แสงสะท้อนวิบวับกับดวงตาที่มีความสามารถพิเศษของสัตว์เหล่านี้ จะทำให้พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้เพราะคิดว่าแสงเหล่านี้อาจเป็นอันตราย มันจึงบินหนีไป
ใช้สเปรย์ไล่แมลงสูตรธรรมชาติ
นับเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการกำจัดผึ้งและตัวต่อ เช่นการใช้น้ำมันเปปเปอร์มินต์ ซึ่งกลิ่นฉุนของน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติไม่รุนแรงเท่ากับสารเคมีอื่นๆ แนะนำว่าถ้าใช้วิธีควรทำในเวลากลางคืนเพราะพวกต่อกับผึ้งจะออกจากรังไปหากิน และอย่าลืมสวมชุดป้องกันเพื่อความปลอดภัย โดยสวมเสื้อแขนยาว หมวกคลุมไหมพรม และยืนห่างจากรังให้มากที่สุด
ใช้น้ำยาล้างจาน
เป็นของใช้ที่มีอยู่แทบจะทุกบ้าน จากนั้นให้นำน้ำยาล้างจานเทใส่ถ้วยประมาณ ¼ ถ้วยตวง แล้วเทใส่กระป๋องสเปรย์ที่ใช้พ่นยาฆ่าแมลง ก่อนเติมน้ำลงไปในกระป๋องจนเต็ม แล้วเอาไปฉีดที่รังของผึ้งและรังต่อ น้ำยาล้างจานจะทำหน้าที่เคลือบรังผึ้งกับตัวต่อไว้ไม่ให้พวกมันกลับเข้ารังได้อีก วิธีนี้ก็เช่นกันแนะนำให้ป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยดูวิธีจากข้อข้างต้น
กับดักกาว
 นำกาวทาแผ่นไม้หรือวัสดุแบนราบให้ทั่ว 1 ด้าน จากนั้นติดอาหารไว้บนด้านที่ทากาว ก่อนจะนำไปวางและรอให้สัตว์เหล่านั้นมาติดกับดัก ก่อนจะนำไปทิ้งนอกบ้าน

ควันไฟ
เพียงแค่ควันจากการเผาไหม้ หรือแม้แต่ควันธูปก็สามารถไล่ผึ้ง หรือตัวต่อให้หนีไปได้แล้ว แต่หากต้องการไล่ผึ้งกับต่อทั้งรัง ให้ใช้กาบมะพร้าวแห้งสุมใต้รังแล้วจุดไฟ ควันเหล่านั้นจะทำให้แมลงตัวน้อยทนไม่ได้ ควรหลีกเลี่ยงการไล่ช่วงเช้าเพราะเป็นเวลาหาอาหารของพวกมัน
ควันจากธูปหรือการเผาไหม้ สามารถไล่ผึ้ง/ตัวต่อให้บินหนีไปได้ แต่หากต้องการไล่ทั้งรัง ใช้กาบมะพร้าวแห้งจำนวนมาก มาสุมไว้ใต้รังแล้วจุดไฟ จะเกิดควันที่ทำให้แมลงตัวน้อยทนไม่ไหวเลยหล่ะ (หลีกเลี่ยงการไล่ในช่วงเช้า เพราะเป็นเวลาหาอาหาร)
จ้างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
ถ้าเห็นและประเมินดูแล้วเห็นว่าผึ้งหรือตัวต่อทำรังเป็นจำนวนมากควรให้บริษัทกำจัดแมลงเข้ามาจัดการโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัย แต่บริษัทเหล่านี้อาจใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง
สำหรับวิธีที่ดีที่สุดคือหมั่นทำความสะอาดดูแลไม่ปล่อยให้บริเวณใดบริเวณหนึ่งรก หรือสกปรก นอกจากนั้นควรหมั่นเช็กในจุดที่ผึ้งหรือต่ออาจจะมาสร้างรัง เพราะถ้ายิ่งปล่อยให้รังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จะยิ่งกำจัดยากขึ้น 
ที่มา:sanook

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ทำสวนแบบสวยๆ ด้วย “Garden Glory” อุปกรณ์ทำสวนเพื่อคนนิสัยรวยโดยเฉพาะ

เดี๋ยวนี้อุปกรณ์ทำสวนหลายแบรนด์ดีไซน์ให้น่ารัก น่าใช้ขึ้นเยอะ แต่ดูเหมือนงานดีไซน์ไม่มีวันหยุดนิ่งเพราะ "Garden Glory" แบรนด์ดีไซน์อุปกรณ์ทำสวน ตกแต่งสวนจากสวีเดนเน้นสร้างสรรค์อุปกรณ์ทำสวนด้วยความหรูหราเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ชื่นชอบงานดีไซน์ที่ไม่เพียงจะเหมาะกับภายในบ้านเท่านั้น แต่งานสวนนอกบ้านก็ต้องมีสไตล์ด้วย
ดังนั้นเหล่านี้จึงเป็นคอลเลคชั่นอุปกรณ์ทำสวนที่หรูหราตั้งแต่สายยางรดน้ำต้นไม้สีชมพูพาสเทล ไปจนถึงสายยางสีทองและสีดำกับที่รัดสายยางซึ่งออกแบบเป็นสายรัดคล้ายสร้อยมองผ่านๆ นึกว่ากระเป๋าแบรนด์เนม หรือจะเป็นที่แขวนสายยางสีเข้าชุดกับสายยางแต่ดีไซน์เป็นเขาสัตว์ หรือกรงเล็บดูเท่และหรูไปในคราวเดียวกัน งานรดน้ำผ่านไป มาถึงงานพรวนดินที่สามารถนั่งพรวนดินเก๋ๆ ด้วยช้อนพรวนดินสีทองเรียบๆ ฉลุลายเส้นโลโก้แบรนด์ ตรงด้ามจับออกแบบสไตล์เรียบเน้นโทนสีพาสเทล
ยังรวมไปถึงบัวรดน้ำดีไซน์เป็นรูปเพชรคุมโทนสีพาสเทล สีเทาอ่อน สีน้ำเงินและสีดำเข้มเติมเข้ามา ส่วนหัวสายยางรดน้ำก็สามารถเปลี่ยนได้ตามลวดลายที่นักออกแบบดีไซน์มาให้เลือก ใครที่เป็นกังวลว่าเมื่ออุปกรณ์ทำสวนจัดเต็มขนาดนี้ เวลาทำสวนต้องสวมถุงมือ ครั้นจะเป็นเพียงแค่ถุงมือยาง พลาสติก หรือถุงมือผ้าทั่วไปย่อมไม่เข้าคู่แน่นอน ดังนั้นเพื่อไม่ให้หลุดคอนเซ็ปต์ถุงมือสีเงิน สีทองดีไซน์ระยิบระยับจึงมีออกมาให้เลือกไว้ให้งานแบบเก๋ๆ คู่กัน
สำหรับเรื่องของราคานั้นก็ไม่เท่าไรเพราะราคาเริ่มต้นแค่เพียง 1,800 บาทสำหรับถุงมือทำสวนสีเงิน-สีทอง ส่วนสายยางนั้นอันละ 3,700 บาท, บัวรดน้ำต้นไม้ 1,800 บาท,พลั่วสีทอง 2,100 บาท,หัวฉีดสายยางสีทองราคา 3,700 บาท,ที่แขวนสายยางราคา 9,400 บาท กระถางต้นไม้แฮนด์เมดรูปลิงและสิงโตราคา 12,000 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างเห็นราคาแล้วหลายคนอาจกลับไปเลือกใช้สายยางรดน้ำสีเขียวที่บ้านแบบเดิม แต่สำหรับเจ้าของแบรนด์นั้นเธอเกิดไอเดียดีไซน์อุปกรณ์ทำสวนเหล่านี้ขึ้นเพราะเธอทนไม่ได้กับสายยางสีเขียวที่มันดูไม่เข้ากับสวนสวยๆ ภายในบ้านสีขาวหลังใหม่ในสวีเดนที่เธอเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ ในตอนนั้นเธอต้องการเพียงสายยางสีขาวเพื่อให้เข้ากับบ้าน แต่กลับพบว่าไม่มีใครทำขาย นั่นจึงเป็นที่มาของการตัดสินใจดีไซน์อุปกรณ์ทำสวนเหล่านี้ออกมา
ที่มา:sanook

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ไอเดียดีๆ จัดสวนสวย สำหรับคนมีเวลาน้อย


การหยิบยกธรรมชาติมาสร้างสีสันให้บ้านร่มรื่น อย่างการจัดสวน เป็นอีกหนึ่งความต้องการของใครหลายคนเพื่อเติมเต็มบรรยากาศของบ้านแสนรักให้มีองค์ประกอบครบสมบูรณ์แบบ จนเกิดเรื่องราวสะท้อนความชอบของแต่ละบุคคล ทำให้การจัดสวนมีหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรสนิยม ความชอบ และไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน เช่นเดียวกับการจัดสวนที่เรานำมาฝากในครั้งนี้ ซึ่งลดทอนรายละเอียดให้มีความเรียบง่าย ไม่เยอะ สะดวกสบายต่อการดูแลรักษา อีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำหรับคนไม่ค่อยมีเวลาแต่อยากมีสวน จะมีไอเดียการจัดสวนอย่างไรบ้างนั้น ตามไปชมกันเลยค่ะ

สวนเรียบง่ายตามสไตล์โมเดิร์น จัดสวนสไตล์โมเดิร์นให้ผสมผสานไปกับกลิ่นอายของการจัดสวนสไตล์อังกฤษหน่อยๆ โดยเน้นการจัดสวนที่มีองค์ประกอบไม่มาก รูปแบบทันสมัยและเป็นสัดส่วน พรรณไม้ที่นำมาเป็นส่วนหนึ่งของสวนต้องดูแลง่าย อาทิ ไทรเกาหลี หรือ โมก เป็นตัวกำหนดอาณาเขต เลือกใช้วัสดุปูพื้นแบบเรียบสลับกับก้อนหินกรวด เพื่อไม่ให้เฉอะแฉะในช่วงฤดูฝน สองข้างทางเดินเรียงรายด้วยกระถางโรมันแบบสวนอังกฤษ เพียงแค่ดูแลตัดแต่งทรงต้นไม้ให้สวยงามได้พุ่มตามต้องการ ประหยัดเวลาในการดูแล

จัดสวนไม้กระถางในศาลานั่งเล่น ใครๆ ก็อยากมีสวนให้บ้านร่มรื่น แต่ติดตรงที่เวลาไม่ค่อยจะมี ฉะนั้นการจัดสวนกระถางช่วยคุณได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ต้นไม้ใหญ่โตก็สามารถมีสวนสวยๆ ร่มรื่นได้เช่นกัน เหมือนกับไอเดียนี้ เลือกตกแต่งศาลานั่งเล่นด้วยบรรดาต้นไม้กระถางน้อยใหญ่ เพิ่มดีเทลให้น่าสนใจโดยเลือกกระถางดีไซน์เก๋ มาเพิ่มเสน่ห์ให้มุมนั่งเล่นไม่จืดฉืดน่าพักผ่อน จะวางตรงไหนก็ง่าย เบื่อเมื่อไหร่ก็สามารถเปลี่ยนมุมได้สะดวก

สวนน้ำตกไม่รกตา นอกจากเพิ่มความเขียวชอุ่มให้บ้าน การมีเสียงของน้ำตกก็ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้แก่ผู้พักอาศัยได้เช่นกัน โดยเลือกปูพื้นระเบียงไม้เชื่อมไปยังสระน้ำ โดดเด่นด้วยผนังน้ำตก มีต้นไม้เป็นแนวรั้ว เรียบ ไม่รกตา ดูแลไม่อยากค่ะ

สวนสวยริมระเบียง พื้นที่สวนสีเขียวนอกจากจะช่วยคืนความร่มรื่นเย็นสบายแล้ว ยังช่วยเติมเต็มความสดชื่นมอบชีวิตชีวาในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย ฉะนั้นพื้นที่แคบไม่สำคัญเลย เช่นเดียวกับระเบียงนี้ วางกระถางที่มีขนาดพอดีกับขอบราวระเบียงไม่ควรสูงเกินเพราะจำทำให้รกตา บดบังวิวด้านนอก อีกฝั่งนอกจากทำเป็นกระบะยาวสำหรับวางกระถางแล้ว เพิ่มลูกเล่นด้วยไม้เลื้อยห้อยลงมา ชั้นวางเรียบๆ ก็มีเสน่ห์มากขึ้น ดูแลไม่ยุ่งยาก หมั่นออกมารดน้ำก็พอ
ที่มา:sanook

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปลูกผักบุ้งในโอ่ง ปลูกง่าย โตเร็ว เก็บได้หลายครั้ง


วันนี้เรานำอีกหนึ่งแนวทางการปลูกผักไว้รับประทานเองในครัวเรือน หรือ การปลูกผักหารายได้เสริม กับไอเดียการปลูกผักแนวใหม่ ใช้พื้นที่แค่โอ่ง 1 ใบเพื่อนๆ ก็สามารถปลูกผักบุ้งไว้รับประทานได้แล้ว โดยวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับการปลูกผักบุ้งในโอ่ง ปลูกง่าย โตเร็ว เก็บได้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังทำให้ยอดผักบุ้งขาวขึ้น และอ่อนน่ารับประทานแบบง่ายๆ อีกด้วย
ปลูกผักบุ้งในโอ่ง

อุปกรณ์สำหรับการปลูกผักบุ้งในโอ่ง

  • โอ่ง ไม่จำกัดขนาด ไม่ต้องเจาะก้นโอ่งก็ได้ หรือโอ่งที่รั่ว ร้าว แตก
  • ตะกร้า ไว้สำหรับทำแปลงปลูก ให้เล็กกว่าก้นโอ่งเล็กน้อย หรือไม่มีก็ได้ถ้าก้นโอ่งไม่รั่ว
  • ดินปลูก ใช้ดินปลูกผักทั่วไป
  • กระสอบเก่า กระดาน หรือตาข่ายเก่า ไว้สำหรับคลุมปากโอ่ง

วิธีปลูก

  • นำดินปลูกที่ผสมแล้วใส่ตะกร้าที่เตรียมไว้ หรือนำดินที่ผสมแล้วใส่ลงในก้นโอ่ง ให้มีความสูงจากก้นโอ่งประมาณ 3-5 นิ้ว ถ้าก้นโอ่งไม่มีรอยรั่วไม่ได้เจาะ ก็ให้ดินสูงนิดหน่อยเพื่อการระบายน้ำ เมื่อเวลารดน้ำผักบุ้ง
  • ใช้เมล็ดผักบุ้งแก้วหยอดลงไปในดิน แต่ไม่ควรแน่นจนเกินไป รดน้ำพอชุ่ม ที่ใช้เมล็ดผักบุ้งแก้ว เพราะเหมาะสม โตเร็ว
ปลูกผักบุ้งในโอ่ง
  • เมื่อผักบุ้งแทงยอดอ่อน แล้วเริ่มใช้กระสอบเก่า หรือตาข่าย ปิดบังแสง แต่ให้อากาศผ่านได้
  • ยอดผักบุ้งสูงเกือบถึงปากโอ่ง จึงสามารถตัดยอดไปรับประทานได้ กรณีไม่มีเมล็ด ผักบุ้งแก้วสามารถนำกิ่งมาปักชำได้เลย
ปลูกผักบุ้งในโอ่ง
ปลูกผักบุ้งในโอ่ง
ปลูกผักบุ้งในโอ่ง
ปลูกผักบุ้งในโอ่ง

สูตรน้ำหมักชีวภาพสำหรับบำรุงดิน

  1. น้ำ
  2. ผักบุ้ง 2 กิโลกรัม
  3. หยวกกล้วยอ่อน 3 กิโลกรัม
  4. กากน้ำตาล 2 กิโลกรัม
นำผักบุ้งกับหยวกกล้วยมัดรวมกัน เทน้ำและกากน้ำตาลผสมรวมกัน ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนก่อนนำไปใช้ เมื่อครบกำหนดใช้น้ำหมัก 3 ช้อนแกง ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทางใบ การใส่น้ำหมักชีวภาพลงไปในแปลง จะเป็นการช่วยสร้างแพลงตอนในน้ำ และไม่ทำให้น้ำในแปลงเน่าเสีย
ที่มา:sanook

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Forest Rescue ภารกิจช่วย “ต้นไม้” ให้มีบ้านหลังที่สอง แบบไม่ต้องโค่นทิ้ง


แม้ต้นไม้จะให้ความร่มรื่น ดูดซับสารพิษ และมีคุณค่าอนันต์ แต่บางครั้ง เราก็มีความจำเป็นต้องโค่นต้นไม้ หรือหาวิธีกำจัดต้นไม้เหล่านั้นเพื่อประโยชน์หรือภารกิจบางอย่าง เช่นการขยายพื้นที่บ้าน หรือต้นไม้ต้นนั้นกำลังจะส่งผลต่อการอยู่อาศัยของเรา วิธีที่ผ่านมาหลายๆ คนอาจเลือกเรียกช่างมาโค่นต้นไม้ทิ้ง ซึ่งนอกจากปัญหาพื้นที่สีเขียวและความร่มรื่นลดลงแล้ว ต้นไม้บางต้นกลับมีเรื่องราวความผูกพันกับบ้านหรือสมาชิกในบ้านหรือครอบครัวนั้นเกินกว่าจะทำใจโค่นล้มได้ง่าย



Forest Rescue เป็นภารกิจช่วยหาบ้านหลังที่สองให้ต้นไม้ภายใต้แคมเปญ THE FORESTIAS ที่ต้องการสร้างชุมชนที่ครบครันไปด้วยที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงผืนป่าที่สามารถสร้างระบบนิเวศซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับความเป็นอยู่แบบใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากคิดจะโค่น ล้มต้นไม้ในบ้าน หรือพบเห็นต้นไม้ที่กำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ สามารถแจ้งรายละเอียดต่างๆ มายังทีมงานของ Forest Rescue ได้ โดยวิธีสังเกตต้นไม้ที่ต้องการความช่วยเหลือมีดังนี้
1.ต้นไม้นั้นอยู่ในสภาพที่ไม่อาจเติบโตต่อไปได้เช่น โคนต้นโดนปูนโบกทับ
2.ต้นไม้นั้นเริ่มเกะกะ
3.แต่ถึงอย่างไรอยากให้ผู้แจ้งเป็นเจ้าของต้นไม้ต้นนั้น

ข้อบังคับและข้อกำหนดในการช่วยเหลือต้นไม้

แม้ทางทีม Forest Rescue Team จะรับช่วยเหลือต้นไม้ทุกต้นเพื่อทำการขุดล้อม แต่ยังคงมีเงื่อนไขเรื่องชนิดพันธุ์ไม้ ฤดูกาล สถานที่ เวลา และเงื่อนไขอื่นๆ โดยจะต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของต้นไม้ ซึ่งมีข้อบังคับทั้งสิ้น 4 หัวข้อคือ
1.ประเภทต้นไม้: เข้าช่วยเหลือต้นไม้โดยคัดเลือกที่ตรงตามเกณฑ์ ยกเว้นต้นไม้ที่เป็นไม้ต่างถิ่นรุกราน เช่นกระถินณรงค์ ตัวการลดความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากมีการแพร่พันธุ์รวดเร็ว จนทำให้ต้นไม้อื่นๆ ถูกรุกรานจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ และต้นไม้ที่มีการแพร่พันธุ์เร็วเกินไปยากต่อการควบคุม ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่นต้นโพธิ์ ต้นไทร และต้นมะกล่ำ
2.พื้นที่ : ระยะแรกเริ่มดำเนินการในบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศเดิมของต้นไม้ที่จะช่วยเหลือเข้ามาในโครงการต้องมีความใกล้เคียงกัน เพื่อให้รับความกระทบกระเทือนจากการขนย้ายน้อยที่สุด และต้องเป็นพื้นที่ที่สามารถนำรถบรรทุกหรือรถเครนเข้าไปได้ และมีอุปสรรคกีดขวางน้อยที่สุด
3.การจัดการดูแลต้นไม้ : ต้นไม้ที่รับบริจาคจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของโครงการฯ โดยได้เตรียมพื้นที่พักฟื้นใกล้โครงการ และเจ้าของเดิมสามารถไปเยี่ยมชมได้เมื่อโครงการแล้วเสร็จ
4.ข้อจำกัดอื่นๆ : ต้องเป็นต้นไม้ส่วนบุคคลไม่ใช่ทรัพย์สินของราชการหรือสาธารณะ และผู้แจ้งต้องเป็นเจ้าของต้นไม้ หรือได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของต้นไม้ให้เข้าร่วมโครงการ
สำหรับการล้อมต้นไม้ต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ เพราะมีข้อจำกัดสำหรับการขุดล้อมที่แตกต่างกัน เช่นฤดูกาล และวิธีการขุดล้อมที่เหมาะสม และการพิจารณาช่วยเหลือต้นไม้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้เชี่ยวชาญ

วิธีส่งรายละเอียดเกี่ยวกับต้นไม้ที่ต้องการให้ขุดล้อม

หากพบเห็นต้นไม้ที่จะถูกโค่นล้ม หรือไม่ต้องการต้นไม้เหล่านั้น สามารถแจ้งรายละเอียดที่อยู่ ชนิดของต้นไม้ พร้อมถ่ายภาพอ้างอิงแล้วส่งไปที่แฮชแทก #ForestRescue ในช่องทาง www.facebook.com/theforestias โดยสามารถส่งรายละเอียดต่างๆ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2561 โดยการขุดล้อมต้นไม้ทุกต้นไม่มีค่าใช้จ่าย ในช่วงแรกจะให้บริการสำหรับภายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน
ที่มา:sanook

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Forget Me Not ดอกไม้สัญลักษณ์แห่งความรัก


ดอกไม้ชนิดนี้มีตำนานเกี่ยวข้องกับความทรงจำเกี่ยวกับความรักครั้ง หนึ่งเมื่อนานมาแล้วในฝรั่งเศส ในสมัยของอัศวินเสื้อเกราะและนางใน อัศวินผู้กล้าหาญ ได้เดินชมจันทร์กับสาวงามนางหนึ่ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำ ยอดหญิงของอัศวินได้มองเห็นดอกไม้เล็กๆขึ้นอยู่ริมตลิ่ง เธอวิงวอนให้เขา ลงไปเก็บให้ แต่ขณะที่เขากำลังเอื้อมเก็บดอกไม้ก็พลันลื่นไถลลงไปในแม่น้ำ เสื้อเกราะที่หนักทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ก่อนที่เขาจะจมหายไปในกระแสธาร เขาโยนดอกไม้ให้หญิงคนรัก และร้องตะโกนว่า " Ne m'oubliez pas "..อย่าลืมฉัน ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า forget me not ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทยังมีความหมายว่ารักแท้ 

ลักษณะต้น : มีลำต้นที่แข็ง สูงประมาณ 0.5-1 เมตร มีกิ่งก้านแตกแขนงรอบลำต้น ใบเล็กเรียวปลายโค้งมน มีขนอ่อนปกคลุมทั้งสองด้าน ออกดอกเป็นช่อ ๆ หนึ่งยาวประมาณ 20- 30 ซม. มีลักษณะเป็นดอกไม้ขนาดเล็ก สีฟ้า 5 แฉก โดยจะออกดอกตามปลายยอดส่วนโคน กลีบจะเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ 


วิธีการปลูกและการเจริญ เติบโต : อายุการเพาะเมล็ด จากวันเพาะถึงวันงอกประมาณ 7 วัน จากนั้นจะย้ายลงถาดหลุม เพื่อเลี้ยงให้เจริญเติบโต โดยมีการคัดรุ่นที่โตไล่เลี่ยกันไปเลี้ยงต่ออีก 23 วัน ต่อจากนั้นจะนำไปลงเลี้ยงในถุงเพาะ ซึ่งเรียกช่วงนี้ว่า เป็นการขุนไม้รุ่น ให้เจริญเติบโตและอุดมสมบูรณ์เพื่อจะได้ดอกที่สมบูรณ์อีกประมาณ 40-45 วัน จากนั้น ต้นฟอร์เก็ตมีน็อตจะเริ่มออกดอก รวมอายุตั้งแต่งอกจนกระทั่งออกดอกประมาณ 70-80 วัน ขึ้นกับฤดูกาลที่จะผลิตด้วย เนื่องจากความร้อนกับความหนาวมีผลต่อกับการบานของดอกให้เร็วหรือช้าได้ ถ้าอากาศร้อนดอกจะบาน
เร็วขึ้น และโรยเร็ว อายุการใช้งานสั้น แต่ถ้าอากาศเย็นจะบานนานและอยู่ได้นานกว่าจะโรย ซึ่งอาจจะบานช้ากว่าปกติเล็กน้อยแต่ได้สีสันสดใสและดอกที่สมบูรณ์กว่า คือ ดอกช่อจะชูตั้งไม่บิด ไม่คดงอ เพราะบางครั้งได้รับแสงน้อยเกินไปลำต้นจะเอียงไปหาแสง ทำให้ต้นไม่ตรง มีการคดงอ รวมทั้งลักษณะใบจะซีดเหี่ยวไม่สดใส


ฟอร์เก็ตมีน็อต เป็นพืชเมืองหนาว โดยปกติจะปลูกบนที่สูง ยิ่งอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส จะออกดอกสวยงาม รดน้ำวันละครั้ง ช่วง 6-7 โมงเช้า แต่ถ้านำมาปลูกที่ในเขตพื้นที่ร้อนอย่างกรุงเทพฯ จะต้องรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เพราะอากาศร้อนและมีการคายน้ำมาก ถ้าความชื้นไม่พอต้นจะเหี่ยว 

รด น้ำต้องรดตอนเช้าช่วงที่แดดอ่อน ๆ เพราะถ้ารดตอนที่แดดแรงจะไม่เป็นผลดีกับต้นไม้ และอีกครั้งในตอนเย็นประมาณ 4-5 โมงเย็น ส่วนการให้ปุ๋ยในการเลี้ยงปกติช่วงแรกจะเป็นปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง ต่อมาในช่วงระยะการเจริญเติบโตจะให้ปุ๋ยสูตรเสมอ จนกระทั่งเริ่มออกดอกหรือว่าเมื่อใกล้จะออกดอก จะให้ปุ๋ยสูตรตัวกลางกับตัวหลังสูง ทั้งนี้ต้องดูว่าเลี้ยงในแบบสภาพอากาศใด ซึ่งการให้ปุ๋ยนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ขึ้นอยู่กับสภาพที่ปลูกในขณะนั้น

ที่มา:sanook

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561

สร้างสรรค์มุมสบายกับ...ไอเดียจัดสวนในร่ม


จะตกแต่งบ้านแต่ละทีหลายคนนึกถึงคงเป็นการเดินทางไป Furniture Mall เป็นอันดับแรก จนลืมไปว่าการเสริมบรรยากาศสวยๆให้แบบบ้านน่าอยู่ทำได้ด้วยต้นไม้และการจัดสวนง่ายๆ นี่เอง แต่นึกออกกันไหมเอ่ยว่าต้นอะไรที่สามารถปลูกในร่มหรือที่มีแสงน้อยได้บ้าง? ถ้ายังนึกไม่ออก วันนี้ขออาสาพาสวนเข้าบ้านเองค่ะ จริงๆ แล้วการทำสวนในร่มนั้นไม่ยาก เพียงแต่ว่าต้องเลือกชนิดของพันธุ์ไม้ให้เหมาะสม นอกจากจะช่วยตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม เสริมสร้างบรรยากาศให้ดูผ่อนคลาย ต้นไม้ยังเพิ่มความมีชีวิตชีวา และเป็นจุดพักสายตาได้เป็นอย่างดี



ในออฟฟิศอันเคร่งเครียด การจัดสวนและมีต้นไม้เขียวๆไว้เป็นฉากย่อมดีกว่ามีแต่เฟอร์นิเจอร์แข็งๆ มาตั้งไว้จริงไหมคะ นักวิชาการยืนยันว่าสีเขียวของต้นไม้และการจัดสวนในร่มให้ผลทางจิตวิทยาเชิงบวก ช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น ทำให้อารมณ์ดี แถมคนป่วยให้ฟื้นฟูสุขภาพได้เร็วกว่าเดิม พืชในร่มบางชนิดยังความสามารถในการฟอกสารพิษช่วยให้อากาศสดชื่น ยกตัวอย่างเช่น วาสนา เศรษฐีเรือนใน เดหลี และจั๋ง ต้นไม้อย่างหมากเหลืองและพลูด่าง ก็เป็นต้นไม้ทรงสวยที่ปลูกใส่กระถางไว้ในร่มได้สบายๆ


ส่วนใครที่อยากจัดสวนไว้ในห้องน้ำ เราขอแนะนำว่าไม่ควรปลูกต้นไม้จนรกมากเกินไปเพราะอาจเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เล็กๆที่สร้างความรำคาญหรือทำให้เกิดอันตรายได้ ถ้าใครมีห้องน้ำมีช่องเปิดโล่งด้านบนก็มีข้อดีตรงที่ระบายอากาศและลดความชื้นได้ดี แต่ถ้าจัดสวนเพลินไปหน่อยก็อาจมีสัตว์เลื้อยคลานเข้ามาทักทายได้เช่นกัน สวนในห้องน้ำอาจจะออกแบบโดยการลดระดับลงไปเล็กน้อยก่อนกั้นด้วยกระจกใสก็ยังคงทำให้ห้องน้ำดูโปร่งขึ้นและยังใกล้ชิดธรรมชาติได้เหมือนเดิมค่ะ


จัดสวนภายในห้องรับประทานอาหารให้เหมือนนั่งอยู่กลางสวนด้วยการยกไม้กระถางมาเติมเต็มมุมโล่งๆให้น่ามอง อาจจับคู่กับเฟอร์นิเจอร์ไม้และหวาย เพื่อให้ได้สัมผัสไปกับอารมณ์ในการพักผ่อนอย่างแท้จริงโดยเลือกใช้พรรณไม้หลากชนิดจัดองค์ประกอบให้เข้ากัน แล้วจัดวางตามมุมจุดต่างๆ

ที่มา:sanook



วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ทริคการเลือกใช้กระถาง เพื่อตกแต่งสวนสวยทันสมัย


เพิ่มพื้นที่สีเขียวแบบง่ายๆ ด้วยการจัดสวนกระถาง เพื่อให้บ้านมีบรรยากาศสบายตา เพราะกระถางที่เพื่อนๆ นำมาใช้ปลูกพืชพรรณต่างๆ ไม่เพียงส่งผลต่อทัศนียภาพภายในสวนของเราเท่านั้น แต่ยังหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เราจะต้องเสียและวิธีการดูแลที่เปลี่ยนไปด้วย การเลือกกระถางที่ดีที่สุดให้กับต้นไม้ จึงเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญในการตกแต่งสวนหรือระเบียงของเรา วันนี้ จึงนำทริคง่ายๆ ในการเลือกซื้อและชนิดของกระถางที่นำไปปลูกต้นไม้ได้สวยงามมาฝากกันค่ะ


กระถางดินเผา (Terra Cotta)กระถางชนิดนี้มีราคาย่อมเยาว์และมีรูปแบบให้เราเลือกเยอะแยะมากมาย ทั้งในด้านของรูปทรง ขนาด หรือแม้แต่สีสันที่หลากหลาย โดยกระถางดินเผาจะมีรูพรุนอยู่ตามผิว ทำให้ลมมีการหมุนเวียนค่อนข้างดี ซึ่งจะช่วยให้พืชได้รับออกซิเจนมากพอและเจริญเติบโตได้รวดเร็ว เพราะแก่การจัดสวนแทบทุกชนิด

กระถางไม้ หรือ กระถางตะกร้าสานการจัดสวนที่ทำมาจากกระถางไม้ ถึงแม้ว่าจะมีรูพรุนและสามารถกันความร้อนให้รากไม้ได้ดี แต่เนื้อไม้จะมีการเสื่อมที่ง่าย ซึ่งต้องรักษาด้วยการทาด้วยสีย้อมสำหรับไม้นอกบ้านเพื่อยืดอายุให้กับไม้ ส่วนกระถางแบบตะกร้าสาน จะให้ลุคที่สวยงามแบบธรรมชาติแต่จะมีความคงทนที่น้อยกว่า ซึ่งสามารถมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่ได้แค่เพียง 2-3 ปี เท่านั้นค่ะ


กระถางโลหะกระถางโลหะมีรูปแบบที่หลากหลาย สามารถนำไปใช้ในการตกแต่งสวนในสไตล์ต่างๆ ได้ค่อนข้างกว้าง ไม่ว่าจะเป็นจัดสวนกระถางสำหรับประโยชน์ใช้สอย ในการจัดสวนแบบ cottage style หรือ อาจใช้แบบสังกะสีและโลหะชุบเคลือบ ในการตกแต่งสวนในแบบสไตล์โมเดิร์น เป็นต้น แต่ก็ควรระวังกระถางที่ใช้โลหะบาง เพราะอาจเป็นฉนวนนำความร้อนจัดหรือเย็นจัดสร้างความเสียหายแก่รากได้ และระวังเรื่องของเนื้อโลหะที่ถูกกัดกร่อนจนทิ้งคราบสนิมทำให้พื้นที่มีสีอ่อนดูสกปรก



กระถางหินกระถางคอนกรีตกระถางสองชนิดนี้มีความคงทน และมีคุณภาพในการเก็บความชื้นให้กับพืชในกระถางได้ดีแต่วัสดุเหล่านี้จะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก จึงเคลื่อนย้ายได้ยาก หากจะบอกว่ากระถางสองชนิดนี้ไม่มีความแตกต่างกันเลยก็คงจะไม่ถูกเสียทีเดียวค่ะ กระถางแบบคอนกรีตมีแนวโน้มที่เราจะหาซื้อในราคาเบาๆ ได้ ในขณะที่กระถางหินมีราคาที่สูงลิบ เพื่อนๆ ที่กำลังคิดที่จะซื้อกระถางหิน ก็อย่าเพิ่งเซ็งจิตกันนะคะ เพราะเราสามารถใช้กระถางหินสังเคราะห์ที่มีราคาถูกมาทดแทนได้ค่ะ

ที่มา:sanook

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปลูกพืชผักสวนครัว ตระกูลโหระพา กะเพรา แมงลักในกระถาง


ผักสวนครัวที่ได้รับความนิยมนำมาประกอบอาหาร และเป็นผักที่สามารถปลูกไว้กินเองในบ้านง่ายๆ อย่าง ผักสวนครัว ตระกูลโหระพา กะเพรา แมงลัก ที่เพื่อนๆสามารถปลูกในกระถาง สามารถจัดระเบียบ และจำกัดเนื้อที่ได้ เคลื่อนย้ายก็สะดวกกว่า นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า มั่นใจว่าปลอดผักสวนครัว ตระกูลโหระพา กะเพรา แมงลัก แม้พื้นที่ในบ้านจะคับแคบ แต่ก็สามารถปลูกผักสวนครัวเอาไว้กินสดๆ เองได้ ใกล้ตัวในบ้าน

การปลูก โหระพา กะเพรา แมงลัก

ควรจะให้อยู่กระถางละ 1 ต้นกำลังดี กระถางควรจะมีขนาด 15 นิ้วขึ้นไป สามารถใช้วัสดุเหลือใช้ในครัวเรือน เช่น กะละมัง, กระถาง, ยางรถยนต์, ถังน้ำ ฯลฯ

การเตรียมดินสำหรับปลูกผักในกระถางสามารถทำได้เองโดยมีส่วนผสม ดังนี้

  • ดินร่วน 1 ส่วน
  • ทราย 1 ส่วน
  • ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ่ยคอก 1 ส่วน
  • ขึ้เถ้าแกลบ /ขุยมะพร้าว 1
ส่วนนำทั้ง 4 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันให้ดี ก่อนนำลงปลูก
ถ้าส่วนผสมดังกล่าวไม่สามารถหาได้ อาจใช้ปุ๋ยคอกผสมใบพืชผุ ใบไผ่ผุ ผสมกับดินก็ได้ และหากไม่สะดวกที่จะผสมดินใช้เอง สามารถหาซื้อดินผสมเสร็จ ที่มีขายอยู่ทั่วไปมาใช้ก็ได้ มีส่วนผสมของใบก้ามปู หรือเปลือกถั่วจะเหมาะมาก

การเตรียมกระถาง

นำดินลงในกระถางที่เตรียมปลูกผัก ไม่ต้องใส่ดินเต็มกระถาง ไว้เติมหลังจากปลูกในระดับที่ต้องการ

วิธีการปลูก โหระพา กะเพรา แมงลัก ด้วยการปักชำ

เอากิ่งแก่กลางอ่อน ตัดส่วนยอดดอก นำไปปักชำในกระถาง ให้ปักเฉียง 45 องศา เอาดินกลบส่วนที่ปักชำบาง ๆ จากนั้น เอาฟางคลุมถ้ามี และรดน้ำให้ชุ่ม

วิธีการปลูก โหระพา กะเพรา แมงลัก ด้วยเมล็ด

  1. โรยเมล็ดในกระถาง 5-10 เมล็ด ขึ้นอยู่กับขนาดกระถาง
  2. เกลี่ยดินกลบเล็กน้อย เอาฟางคลุมถ้าหาได้ รดน้ำหลังการปลูก
  3. ต้นกระเพราจะขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ และต้องคอยให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ
  4. ถ้าขึ้นเยอะไปให้ย้ายออกไปปลูกในกระถางอื่น เมื่อครบ 25 วัน โดยควรให้มีดินติดรากมาด้วย และควรปลูกทันทีเมื่อมีการถอนย้าย
  5. ไม่ต้องการการดูแลให้ยุ่งยากมากมาย รดน้ำทุกวัน หรือวันเว้นวัน ถ้าต้นเริ่มออกดอกให้หมั่นเด็ดดอกทิ้งเพื่อให้ลำต้นและใบเจริญเติบโตได้เต็มที่
ที่มา:sanook

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

"ต้นรวงผึ้ง" ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10


หลายคนอาจยังไม่รู้จัก "ต้นรวงผึ้งต้นไม้สำคัญจึงรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับต้นไม้ที่ออกดอกเหลืองงดงามนีมาให้ได้รู้จักกัน ต้นรวงผึ้งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 เนื่องด้วยดอกรวงผึ้งมีสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ และผลิดอกช่วงวันพระราชสมภพพอดีเมื่อพระองค์เสด็จฯ กอปรพระราชกรณียกิจตามสถานที่ต่างๆ ก็จะทรงปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทานไว้เพื่อเป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่านและเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร 

ลักษณะสำคัญ
ต้นรวงผึ้งหรือจะเรียกตามชื่อพื้นเมืองว่าต้นน้ำผึ้ง ต้นสายน้ำผึ้งก็ได้ ต้นรวงผึ้งเป็นไม้หอมที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบมากในป่าทางภาคเหนือ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000-1,100 เมตร เป็นพันธุ์ไม้ประเภทเดียวกับปอ กระเจาและตะขบฝรั่ง

ลักษณะเด่นของต้นรวงผึ้งคือดอกสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน มีช่อดอกดกที่เกิดตามซอกใบเป็นช่อสั้น โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกออกเป็น ๕ แฉกคล้ายรูปดาว ไม่มีกลีบดอก มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ซึ่งส่วนที่มองเห็นเป็นสีเหลืองเหมือนดอกนั้นคือเกสรตัวผู้ที่รวมกันเป็นกระจุก ลำต้นแตกกิ่งต่ำ กิ่งค่อนข้างเล็กเรือนยอดเป็นพุ่มมน ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปแผ่นใบสองข้างไม่เท่ากัน ผิวใบด้านบนสีเขียว ด้านล่างสีน้ำตาลอมนวล สามารถขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและเพาะเมล็ด

ดอกรวงผึ้งจะเบ่งบานในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ผลิดอกได้นาน ๗-๑๐วัน เมื่อดอกสีเหลืองบานพร้อมกันทั้งต้น จะดูงดงามอร่ามตา และส่งกลิ่นหอมชื่นใจตลอดทั้งวัน 


การขยายพันธุ์     

การตอน เป็นวิธีการที่เหมาะสม ที่สวนไม้หอมฯ ได้ทำการทดลองแล้วมีความจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนในการเร่งรากจึงจะได้ผลดีในการขยายพันธุ์

ข้อดีของพันธุ์ไม้:
1.เป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกครั้งละมากๆ (เต็มต้น) เมื่อดินแห้งตามธรรมชาติ
2.เป็นพันธุ์ไม้หอมที่มีช่วงการปลูกกว้าง สามารถขึ้นได้ดีทั้งที่แห้งแล้งและที่ค่อนข้างชื้น
3.เป็นพันธุ์ไม้ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ไม่ต้องการการดูแลมาก ใบไม่ค่อยร่วง
4.เป็นพันธุ์ไม้ที่มีระบบรากดีมาก ไม่มีการหักโค่นของต้นขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเป็นกิ่งที่ได้จากการตอน

ข้อแนะนำ:     
1.เนื่องจากมีการออกดอกครั้งละมากๆ และมีผึ้งตอมเป็นจำนวนมาก ผึ้งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ปลูก
2.เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ออกดอกในระยะสั้นเพียง 7 - 10 วัน/ครั้ง/ปี เท่านั้น
3.ในพื้นที่ที่มีน้ำมาก รวงผึ้งจะไม่ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น

การเลือกต้นรวงผึ้งที่ถูกต้อง ควรเป็นกิ่งกระโดงที่ตรง จะทำให้การเจริญเติบโตดี ทรงต้นสวยงามกว่ากิ่งที่ตอนมาจากส่วนอื่นๆ ของต้น
    
ข้อมูลอื่นๆ:     
1.เป็นพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเริ่มออกดอกให้ชม
2.เป็นพันธุ์ไม้หอมที่เริ่มลดน้อยลงเนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกช้า ช่วงการออกดอกไม่นาน และต้องใช้พื้นที่ในการปลูกมากๆ ไม่ค่อยตรงกับนิสัยคนไทยมากนัก หากไม่ชอบรวงผึ้งจริงๆ ก็ไม่ควรปลูก จะได้ไม่เสียเวลาเปล่า
ที่มา:sanook

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ไอเดียปลูกผักสวนครัวในบ้าน หมุนเวียนตามฤดูกาลต่างๆ ทำให้บ้านมีผักปลอดภัยกินตลอดทั้งปี


วันนี้เรานำเสนอการปลูกพืชผักสวนครัว แบบผสมผสาน ภายในบ้าน ที่ปลูกหมุนเวียนไปตามช่วงเวลา และตามฤดูกาลต่างๆ เพื่อให้ได้ผักที่มีคุณภาพดีมีความสดใหม่ และความเจริญเติบโตในช่วงเวลาต่างๆ การปลูกพืชผักแบบผสมผสานขั้นต้น ควรเลือกชนิดผักที่จะนำมาปลูกให้เหมาะสมกับฤดูกาล เพื่อให้ผักเจริญเติบโต แข็งแรงทนต่อโรคและแมลง ควรหมุนเวียนสลับชนิดหรือปลูกผักหลายชนิดในเวลาเดียวกัน
ไอเดียปลูกผักสวนครัว
เราไปดูกันว่า การปลูกผักสวนครัวในบ้าน หมุนเวียน ตามฤดูกาลต่างๆ ทำให้บ้านมีผักปลอดภัยกินตลอดทั้งปี ในแต่ละช่วง ควรปลูกอะไร

ไอเดียปลูกผักสวนครัว

ผักสวนครัว ที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี

  1. ผักกวางตุ้ง ตระกูลกะหล่ำและผักกาด มีก้านใบหนาและยาวอวบน้ำ  ผักกาดเขียวกวางตุ้งจะออกดอกเมื่ออายุประมาณ 55-75 วัน
  2. ผักกาดหอม หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ ผักสลัด  40-45 วัน ก็ทานได้แล้ว
  3. ตั้งโอ๋ ประมาณ 50 วัน ถึงจะเริ่มทำการเก็บเกี่ยวได้
  4. ผักชี พืชล้มลุกอายุสั้น ใช้เวลาปลูก และเติบโตประมาณ 40-60 วัน
  5. หอมแบ่ง หอมแบ่ง หรือ “ต้นหอม” เป็นผักที่เป็นส่วนผสมหรือเป็นเครื่องปรุงในอาหารเกือบแทบจะทุกอย่าง  ใช้เวลาในการปลูก 45 วัน
  6. ถั่วฝักยาว ใช้น้ำน้อย เป็นพืชอายุสั้น ปลูกเพียง 2 เดือน
  7. มะระ ฤทธิ์เป็นยารักษาโรค นิยมนำมาประกอบอาหารเพื่อบำรุงร่างกาย สามารถเก็บเกี่ยวผลได้ใน 40-50 วัน
  8. บวบ / ฝัก

ไอเดียปลูกผักสวนครัว

 

ไอเดียปลูกผักสวนครัว

ชนิดผักสวนครัว ที่ควรปลูกในช่วงฤดูร้อน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน มีดังนี้

  1. ผักชี
  2. ต้นหอม 
  3. ผักบุ้งจีน 
  4. แตงกวา
  5. ผักกาดหัว
  6. ถั่วฝักยาว
  7. ผักคะน้า
  8. ผักกวางตุ้ง
  9. ผักกาดขาว
  10. มะระ
  11. ผักกาดเขียว
  12. แตงไทย
ไอเดียปลูกผักสวนครัว

 

ไอเดียปลูกผักสวนครัว

 ชนิดผักที่ควรปลูกในช่วงฤดูต้นฝน ช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม มีดังนี้

  1. ผักคะน้า
  2. กุยช่าย
  3. บวบเหลี่ยม
  4. หอมแดง
  5. ผักกวางตุ้ง
  6. ข้าวโพดอ่อน

ชนิดผักที่ควรปลูกในช่วงปลายฤดูฝน ช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม มีดังนี้ 

  1. ผักชีลาว
  2. ผักโขม
  3. กุยช่าย
  4. ผักกวางตุ้ง
  5. ผักคะน้า
  6. ผักกาดขาว
  7. หอมแบ่ง
  8. มันเทศ
  9. มะเขือเปราะ
  10. มะเขือยาว
  11. ผักกาดหอม
  12. ผักบุ้งจีน
  13. พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า

 ชนิดผักที่ควรปลูกในช่วงฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม มีดังนี้

  1. หอมแบ่ง
  2. กุยช่าย
  3. กระเทียม
  4. ขึ้นฉ่าย
  5. กะหล่ำปลี / กะหล่ำดอก
  6. มะเขือเทศ
  7. ผักกาดปลี
  8. กะหล่ำปม
ที่มา:sanook